นางสงกรานต์ปีนี้ 2559
นางสงกรานต์นั้นเป็นธิดาของท้าวกบิลพรหม หรือท้าวมหาสงกรานต์ และเป็นนางฟ้าอยู่บนสรวงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราช (สวรรค์ชั้นที่ 1 ในทั้งหมด 6 ชั้น) ในกาลครั้งหนึ่งท้าวกบิลพรหมซึ่งเป็นเทพยดาได้ท้าประลองปัญญากับมานพหนุ่มลูกชายมหาเศรษฐีผู้ร่ำลือกันว่าเป็นผู้มีปัญญาเฉียบแหลมนามว่า “ธรรมบาลกุมาร” ซึ่งเป็นเทวบุตรมาเกิดด้วยรับสั่งของพระอินทร์ โดยให้แต่ละฝ่ายใช้หัวตัวเองเป็นเดิมพัน โดยท้าวกบิลพรหมได้ตั้งคำถามให้ ธรรมบาลกุมาร ตอบให้ได้ภายใน 7 วัน คำถามคือ
ข้อที่ 1 ยามเช้า ราศีแห่งมนุษย์สถิตอยู่ ณ ที่ใด
ข้อที่ 2 ยามเที่ยง ราศีแห่งมนุษย์สถิตอยู่ ณ ที่ใด
ข้อที่ 3 ยามค่ำราศีแห่งมนุษย์สถิตอยู่ ณ ที่ใด
มานพหนุ่ม ธรรมบาลกุมาร ก็คิดไม่ออกตอบไม่ได้จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาจนวันที่ 6 ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ จึงกลัดกลุ้มเป็นอันมากและได้ไปนอนอยู่ใต้ต้นตาล และบังเอิญได้ยินสองผัวเมียนกอินทรีย์คุยกันว่า
โดยนางนกอินทรีได้ถามผัวว่า “พรุ่งนี้เราจะไปหากินที่ไหนกันดี “ นกอินทรีตัวผู้จึงตอบว่า “พรุ่งนี้เราไม่ต้องออกไปหากินไกลหรอก ด้วยพรุ่งนี้ธรรมบาลกุมารจะต้องตัดศีรษะบูชาท้าวกบิลพรหม เนื่องจากตอบปัญหาไม่ได้และเราก็จะได้กินเนื้อของธรรมบาลกุมารกัน”
“น่าสงสารกุมารน้อยยิ่งนัก ท้าวกบิลพรหมก็ช่างกระไร จึงถามปัญหาที่มนุษย์เกินจะตอบได้เช่นนี้”นางนกว่าก่อนจะถามผัวอีก”แล้วพี่ท่านรู้คำตอบของปริศนานั้นหรือไม่เล่า”
“ปัญหาเพียงเท่านี้ เหตุใดข้าจักมิรู้เล่า”เจ้านกอินทรีตัวผู้พูดก่อนเฉลยให้เมียรักฟังว่า “อันราศีแห่งมนุษย์นั้นจะสถิตอยู่ที่ร่างกายต่างวาระกัน คือ เวลาเช้าจะสถิตอยู่ที่หน้า มนุษย์จึงต้องล้างหน้า เวลาเที่ยงราศีสถิตอยู่ที่อก มนุษย์จึงต้องปะพรมน้ำที่หน้าอก และเวลาค่ำสถิตอยู่ที่เท้า มนุษย์จึงต้องล้างเท้า จึงจะพ้นอัปรีย์จัญไรทั้งปวง”
ส่วนมานพหนุ่มได้ยินเช่นนั้นจึงจำคำตอบไปตอบแต่ท้าวกบิลพรหม ท้าวกบิลพรมจึงแพ้การประลองปัญญาจำเป็นต้องตัดเศียรตัวเองบูชาต่อมานพหนุ่ม แต่ทว่าเศียรของท้าวกบิลพรหมนั้นมีพิษร้ายมาก คือ หากตัดแล้วตั้งไว้บนแผ่นดิน แผ่นดินก็จะลุกเป็นไฟ ถ้าโยนขึ้นสู่ท้องฟ้าฝนก็จะตกไม่ถูกต้องตามฤดูกาล และถ้าทิ้งลงมหาสมุทรน้ำก็จะเหือดแห้ง
ท้าวกบิลพรหมจึงรับสั่งเรียกธิดาทั้ง 7 เพื่อให้นำเศียรของท้าวกบิลพรหมไปแห่ประทักษิณรอบเขาพระสุเมรุ 60 นาที แล้วจึงนำไปเก็บไว้ในมณฑปถ้ำธุลีเขาไกรลาศ ครั้นครบกำหนด 365 วัน เป็นสงกรานต์ ซึ่งหมายถึงขึ้นปีใหม่นั้นเอง โดยนางสงกรานต์จะต้องนำเศียรของท้าวกบิลพรหมแห่ประทักษิณรอบเขาพระสุเมรุเป็นประจำทุกปีโดยมีเกณฑ์กำหนดที่ว่าวันสงกรานต์ คือวันที่ 13 เมษายน ตรงกับวันใดก็ให้นางสงกรานต์ประจำวันนั้นเป็นผู้แห่ นางสงกรานต์มีทั้งหมด 7 องค์
ปีนี้นางสงกรานต์มีนามว่า มณฑาเทวี
ทรงพาหุรัด ทัดดอกจำปา อาภรณ์แก้วไพฑูรย์ ภักษาหารนมเนย หัตถ์ขวาทรงเหล็กแหลม หัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จไสยาสน์ลืมเนตร มาเหนือหลังคัสพะ เป็นพาหนะ
มีการทำนายว่า “ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จะได้รับการยกย่องจากต่างประเทศ ถ้าวันเนาเป็นวันพุธท่านว่า ข้าวปลาอาหารจะแพง แม่หม้ายจะพลัดที่อยู่ แลถ้าวันพุธเป็นวันเถลิงศก บรรดานักปราชญ์ราชบัณฑิตจะมีความสุขความสำราญ ปีนั้นฝนตกบ่ทั่วเมือง หัวปีมีมาก กลางปีน้อย ข้าวในนาจะได้ครึ่งเสียครึ่ง ของบริโภคจะแพง คนเกิดวันศุกร์มีเคราะห์ คนเกิดจันทร์และวันเสาร์มีโชค”
วันเปลี่ยนศักราชใหม่เป็นวันที่ 16 เมษายน เวลา 00 นาฬิกา 34 นาที 12 วินาที ปีนี้ วันเสาร์เป็นธงชัย วันพุธเป็นอธิบดี วันศุกร์เป็นอุบาทว์ วันศุกร์เป็นโลกาวินาศ ปีนี้ วันจันทร์เป็นอธิบดีฝน มีนาคให้น้ำ 2 ตัว บันดาลให้ฝนตก 500 ห่า ตกในโลกมนุษย์ 50 ห่า ตกในมหาสมุทร 100 ห่า ตกในป่าหิมพานต์ 150 ห่า ตกในเขาจักรวาล 200 ห่า เกณฑ์ธัญญาหารได้เศษ 6 ชื่อ ลาภะ ข้าวกล้าในภูมินาจะได้ผล 9 ส่วน เสีย 1 ส่วน ธัญญาหาร ผลาหาร มัจฉมังษาหารจะบริบูรณ์อุดมสมบูรณ์ ประชาชนทั้งหลายจะเป็นสุขสมบูรณ์แล เกณฑ์ธาราธิคุณ ตกราศีวาโย (ลม) น้ำน้อย

กระทรวงวัฒนธรรมได้รณรงค์ให้มีการเล่นสงกรานต์อย่างสุภาพตามขนบธรรมเนียมประเพณีไทย “สงกรานต์สีขาว” โดยมีสิ่งที่ควรปฏิบัติและไม่ปฏิบัติดังนี้
สิ่งที่ควรปฏิบัติ :