ไม่รู้จะเลือกตัวไหนดี GoPro Hero5 มีทั้งรุ่น GoPro Hero5 Black กับรุ่น Hero5 Session ซึ่งมีราคาต่างกันไม่มาก ทำให้สงสัยว่า GoPro Hero5 Black กับ Hero5 Session แตกต่างกันอย่างไร และเราควรจะซื้อรุ่นไหนดี แน่นอนว่าการที่ GoPro ออกสินค้าตัวใหม่มาย่อมต้องใส่และปรับปรุงคุณลักษณะใหม่ๆเพิ่มขึ้นมาดึงดูดใจเหล่าบรรดาสาวก เพื่อกระตุ้นให้เปลี่ยนไปซื้อรุ่นใหม่ และกระตุ้นต่อมอยากให้คนที่ไม่มีหรือใช้ยี่ห้ออื่นอยู่แล้วอยากเปลี่ยนมาลองยี่ห้อนี้บ้าง เช่น มีคุณสมบัติในการกันน้ำโดยไม่ได้ต้องซื้อเคสกันน้ำเพิ่มเติม เรียกว่ากันน้ำตั้งแต่เกิด, การออกคำสั่งด้วยเสียง และยังปรับปรุงคุณสมบัติการถ่ายภาพให้ดีขึ้นอีกด้วย
ราคาที่แตกต่าง
- ต่างประเทศ เวป Amazon
- ราคา GoPro Hero5 Black $399 USD
- ราคา GoPro Hero5 Session $299 USD
- เวปประเทศไทย ลาซาด้า
- ราคา GoPro Hero5 Black ฿12,750 บาท ส่งฟรี
- ราคา GoPro Hero5 Session ฿10,590 บาท แถม sandisk micro SD card 32 GB ฟรี
- เวปประเทศไทย Street11
- ราคา GoPro Hero5 Black ฿12,799 บาท ส่งฟรี
- ราคา GoPro Hero5 Session ฿10,590 บาท ส่งฟรี
โดยสรุปแล้วทั้งสองรุ่นต่างกันอยู่ประมาณ 2,000 บาทในบ้านเรา ต่างประเทศแพงกว่าแบบไม่ต้องเปรียบเทียบเลย ถ้าจะซื้อก็ซื้อในไทยดีที่สุด

ฟีเจอร์ใหม่ใน GoPro Hero5
คุณลักษณะใหม่ที่น่าประทับใจของ GoPro ตระกูล Hero5 ที่เด่นสุดก็คือความสามารถในการกันน้ำซึ่งติดตั้งมาพร้อมเลยไม่ต้องไปหาเคสกันน้ำมาใส่เพิ่มเติม โดยฟีเจอร์นี้เริ่มมาตั้งแต่รุ่น Hero4 แล้ว สามารถทำงานได้ในระดับความลึกสูงสุดถึง 33 ฟุต นอกจากนี้ยังมาพร้อมความสามารถในการถ่ายวิดีโอ 4K พร้อมด้วยฟังค์ชั่นป้องกันภาพสั่นไหว มี GPS เหมือนโทรศัพท์มือถือ และการควบคุมและสั่งการด้วยเสียง
รูปร่างและขนาด
แม้กล้องทั้งสองรุ่นจะถูกออกแบบมาให้เล็กกระทัดรัดแต่เมื่อเราดูแล้วก็จะเห็นว่า GoPro Hero5 Black จะมีขนาดใหญ่กว่า Hero5 Session เพราะว่ารุ่น Hero5 Black จะมีหน้าจอสัมผัสขนาด 2 นิ้วซึ่งเป็นข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจน และอาจเป็นข้อหนึ่งที่หลายๆคนตัดสินใจเลือก
การที่ Hero5 Black มีหน้าจอสัมผัสขนาด 2 นิ้วเพิ่มขึ้นมาทำให้ใช้งานง่ายขึ้น หน้าจอมีขนาดใหญ่พอที่จะใส่คำอธิบายสั้นๆ พร้อมด้วยภาพกราฟฟิค และเราจะมองเห็นการเปลี่ยนแปลงจากหน้าจอเมื่อเราตั้งค่าต่างๆ ในการใช้เมนูต่างๆ มันจะง่ายขึ้นแม้แต่คนที่ไม่คุ้นเคยกับ GoPro ก็สามารถใช้ได้โดยไม่ต้องอ่านคู่มือ แต่ใน Hero5 Session ไม่มีจะทำให้มือใหม่ยุ่งยากนิดนึงเพราะต้องเปิดคู่มือ

Hero5 Session ความที่มันไม่มีจอสัมผัส ทำให้มันมีขนาดเล็กกระทัดรัดเหมาะสำหรับที่จะติดตั้งกล้องในพื้นที่เล็กๆ แต่ทั้งสองรุ่นก็เล็กเหมือนกันแต่ Hero5 Session นั้นขนาดเล็กกว่า มาพร้อมหน้าจอ LCD ขนาดเล็กพร้อมปุ่มควบคุม 3 ปุ่มไม่สามารถใช้ควบคุมแบบทัชสกรีนได้ แต่ทั้งสองรุ่นก็มีแอพลิเคชั่นใช้ควบคุมระยะไกลผ่านสมาร์ทโฟนได้เหมือนกันจึงไม่ต้องยุ่งยากกับจอทัชสกรีน

เปรียบเทียบขนาดทั้งสองรุ่น
- Hero5 Session – 38 x 38 x 36 มิลลิเมตร น้ำหนัก 73 กรัม
- Hero5 Black – 62 x 44 x 24 มิลลิเมตร น้ำหนัก 118 กรัม
แบตเตอรี่
- เพราะว่า Hero5 Black มาพร้อมด้วยอทัชสกรีนซึ่งทำให้กินไฟมากจึงใส่แบตเตอรี่ Li-ion มาขนาด 1220 mAh พร้อมทั้งสามารถถอดเปลี่ยนได้ หมายถึงเราสามารถเปลี่ยนแบตสำรองได้
- ส่วน Hero5 Session มาด้วยแบตเตอรี่ Li-ion ขนาดความจุ 1000 mAh ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ดังนั้นเราต้องรอชาร์จไฟก่อนจะใช้ครั้งต่อไป
พอร์ตเชื่อมต่อ
ทั้งสองรุ่นมาพร้อมพอร์ต USB-C, ช่องเสียบ micro SD card Class 10 หรือ UHS – I และสามารถเชื่อมต่อด้วย wi-fi และ Bluetooth แต่รุ่น Hero5 Black มีพิเศษก็คือมีช่องเสียบสาย HDMI สามารถเชื่อมกับจอทีวีได้เลยมาทั้งภาพและเสียง
การควบคุมด้วยเสียง
การควบคุมด้วยเสียงมีมาด้วยกันทั้งสองรุ่น เราสามารถสั่งถ่ายภาพและวิดีโอรวมไปถึงการตั้งค่าต่างๆด้วยคำสั่งเสียงง่ายๆ ซึ่งฟังก์ชั่นนี้มันมีประโยชน์มากเมื่อเราไม่สามารถใช้มือเอื้อมไปถึงกล้องได้ หรือใช้ในขณะที่เราใช้มือไปทำอย่างอื่นเช่น ในขณะที่เราอยู่ในระหว่างการปีนเขา
สเปคกล้องที่แตกต่างกัน
Hero5 Black มาพร้อมด้วยสเปคของกล้องที่เหนือกว่า ด้วยเซนเซอร์ภาพที่ความละเอียดสูง 12 เมกกะพิกเซลล์ ซึ่งมากกว่า Hero5 Session ที่ให้มา 10 เมกกะพิเซลล์ และยังเพิ่มขีดความสามารถในการจับภาพได้เร็วขึ้นส่งผลให้มีเฟรมเรทที่สูงขึ้นทำให้ถ่ายวิดีโอได้ราบรื่นกว่า
กล้องทั้งสองรุ่นล้วนสามารถถ่ายวิดีโอด้วยความละเอียดในระดับ 4K ที่อัตรา 30 เฟรมต่อวินาทีเหมือนกัน แต่เมื่อคุณถ่ายวิดีโอที่มีความละเอียดต่ำลง Hero5 Black สามารถถ่ายได้ในอัตราเฟรมเรตสูงสุดมากกว่ารุ่น Hero5 Session ตัวอย่างเช่น Hero5 Black บันทึกวีดิโอที่ความละเอียด 1440p จะสามารถบันทึกได้ที่ 80 เฟรมต่อวินาที และที่ความละเอียด 1080p จะสามารถบันทึกได้ที่ 120 เฟรมต่อวินาที ส่วน Hero5 Session จะทำได้ที่ 60 เฟรมต่อวินาที และ 90 เฟรมต่อวินาที ตามลำดับ
เฉพาะรุ่น Hero5 Black เท่านั้นที่สามารถถ่ายวิดีโอ 4K ในโหมด “Super View” ได้ คือภาพมุมกว้างเป็นพิเศษ
Hero5 Black ยังมี options อื่นๆที่เหนือกว่า เช่น การเลือก White balance ได้ สามารถปรับรูรับแสงได้ มีความเร็วชัตเตอร์สูงสุดที่เร็วขึ้น และสามารถตั้งค่า ISO สูงสุดเพิ่มมากขึ้น คุณสมบัติเหล่านี้ล้วนทำให้ Hero5 Black สามารถถ่ายภาพและวิดีโอในสภาพแสงน้อยได้ดีกว่า Hero5 Session
Hero5 Black ยังสามารถบันทึกภาพนิ่งเป็น Raw ไฟล์ได้ด้วยซึ่งมีข้อมูลมากกว่าภาพไฟล์ Jpeg ธรรมดา ซึ่งเราสามารถนำ Raw ไฟล์ไปประมวลผลได้ในภายหลัง เป็นการใช้ความสามารถเซนเซอร์ของกล้องอย่างคุ้มประโยชน์
GPS
GPS เป็นอีกหน่งฟังค์ชั่นที่มีเฉพาะ GoPro Hero5 Black เท่านั้น ที่ทำให้เราสามารถแท็กสถานที่ได้เหมือนกับถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือ
สรุป
ด้วยสเปคที่แตกต่างกันอย่างมากมาย แต่ราคาในบ้านเราแตกต่างกันแค่ 2000 กว่าบาท มีเพียงเหตุผลเดียวที่เราจะเลือก Gopro Hero5 session คือ เราจำเป็นที่จะต้องติดตั้งในบริเวณที่เล็กๆพอดี และไม่สามารถติดตั้ง Hero5 Black ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าได้ แต่ก็ใหญ่กว่ากันนิดเดียว