จากจุดกำเนิดที่แอฟริกาเมื่อกว่าแสนปีที่แล้ว มนุษย์ยุคใหม่ได้เริ่มออกเดินทาง ค้นหา ครอบครอง วิวัฒนาการ จนมีพัฒนาการด้านเทคโนโลยี การใช้เครื่องมือ การหาอาหาร การป้องกันตัว การปรับตัว การอยู่เป็นกลุ่ม ซึ่งไม่มีสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ไหนสู้ได้
แอฟริกาจุดกำเนิดของบรรพบุรุษมนุษย์ยุคใหม่
ในช่วงระหว่างศตวรรษที่ 20 มีสมมุติฐานของการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์สมัยใหม่ (หมายถึงเฉพาะสายพันธ์ Homo sapiens ที่วิวัฒนาการต่อเนื่องจนมาถึงปัจจุบันส่วนสายพันธุ์อื่นๆได้สูญพันธุ์ไปหมดสิ้นแล้ว) อยู่สองอย่างคือ หนึ่งเชื่อว่าจากหลักฐานการพบซากฟอสซิลของมนุษย์กระจัดกระจายไปทั่วโลก ทำให้นักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้เชื่อว่ามนุษย์เกิดการวิวัฒนาการในหลายๆจุดทั่วโลก และสมมุติฐานที่สองก็มีนักวิทยาศาสตร์อีกกลุ่มหนึ่งเชื่อว่ามนุษย์สมัยใหม่ที่มีอยู่ทั่วโลกนี้ล้วนแต่มีต้นบรรพบุรุษและวิวัฒนาการมาจากทวีปแอฟริกาทั้งสิ้น แล้วจึงทำการย้ายถิ่นไปตั้งรกรากยังถิ่นฐานต่างๆทั่วโลกและวิวัฒนาการสืบต่อไป
เมื่อมีการพัฒนาของเทคโนโลยีด้าน DNA สูงขึ้น นักวิทยาศาสตร์ก็ใช้เทคโนโลยีด้าน DNAในการพิสูจน์และลบล้างความเชื่อที่ว่ามนุษย์ยุคใหม่เกิดและวิวัฒนาการในหลายๆจุดทั่วโลกให้เหลือเพียงความเชื่อเดียวและสามารถลดข้อโต้แย้งของอีกทฤษฎีหนึ่งลงได้จนกว่าจะมีหลักฐานใหม่มายืนยันเพิ่มเติม โดยได้ทำการวิเคราะห์ Mitochondrial DNA ของมนุษย์ปัจจุบันเพื่อตามรอยกลับไปยังต้นตอบรรพบุรุษของมนุษย์ยุคใหม่ในอดีต ซึ่งนักวิทยาศาสตร์สามารถตามรอยย้อนกลับไปหาเจ้าของ Mitochondrial DNA ซึ่งเป็นผู้หญิงที่อยู่ในทวีปแอฟริกาเมื่อ 200,000 ปีก่อน และนักวิทยาศาสตร์เรียกเธอว่า อีฟ ซึ่งมันไม่ใช่ชื่อจริงของเธอหรอก
จากการสำรวจและรวบรวมข้อมูลทางโบราณคดี ซากฟอสซิล เครื่องมือ เครื่องใช้ ผสมผสานกับการนำใช้เทคโนโลยีทั้งทางด้าน DNA และการ Dating หาอายุ ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถศึกษา และประมวลผลการวิวัฒนาการของบรรพบุรุษของเราได้แม่นยำขึ้น
ในปี 2003 ที่หมู่บ้าน Herto ตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเอธิโอเปีย ในทวีปแอฟริกาตะวันออก ทีมนักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอเนียร์ได้ค้นพบกะโหลกศีรษะของมนุษย์ยุคใหม่ 3 กะโหลกซึ่งเป็นของผู้ใหญ่ 2 คนกับเด็กอีก 1 คน แต่ไม่พบชิ้นส่วนอื่นของร่างกาย จากผลการหาอายุด้วยวิธี Dating พบว่ามีอายุอยู่ในช่วงราว 154,000 – 160,000 ปีนับว่าเป็นซากฟอสซิลของมนุษย์ยุคใหม่ที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่ได้ค้นพบมา

และในถ้ำแห่งหนึ่งที่ Pinnacle point ในประเทศแอฟริกาใต้ ทีมนักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยอริโซนา สหรัฐอเมริกา ค้นพบหลักฐานการอาศัยอยู่ ดำรงชีพ และวิวัฒนาการของมนุษย์ยุคใหม่ว่าเมื่อ 164,000 ปีมาแล้วมนุษย์ยุคใหม่ได้วิวัฒนาการและเรียนรู้วิธีหาอาหารจากทะเล และรู้จักการใช้สีแล้วและมันเป็นสีแดง
การเดินทางออกนอกทวีปแอฟริกาครั้งแรกของมนุษย์ยุคใหม่
ในปี 1933 ที่ประเทศอิสราเอลในถ้ำ Qafzeh และ Skhul โครงกระดูกของมนุษย์ยุคใหม่ได้ถูกค้นพบ และปัจจุบันได้ทำการ Dating หาอายุ พบว่ามีอายุราว 90,000-100,000 ปี นับเป็นซากฟอสซิลของมนุษย์ยุคใหม่ที่เก่าที่สุดที่พบอยู่นอกทวีปแอฟริกา ในบริเวณภูมิภาคนี้ยังได้พบซากฟอสซิลของมนุษย์ยุคนีแอนเดอร์ทัล (Homo Neanderthalensis) ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้จำแนกให้อยู่คนสายพันธุ์กับมนุษย์ยุคใหม่ (Homo sapiens) และจากการ dating หาอายุพบว่าอยู่ระหว่าง 48,000 – 61,000 ปีและมนุษย์สายพันธุ์นี้ก็สูญพันธุ์ไปจากโลกนี้แล้ว ในบริเวณที่แห่งนี้นักวิทยาศาสตร์ไม่พบว่ามนุษย์ยุคใหม่ได้มีการสร้างรกราก ขยายดินแดน และวิวัฒนาการต่อไปแต่กลับหยุดอยู่กับที่ มีแต่มนุษย์ยุคนีแอนเดอร์ทัลครอบครองอยู่ ซึ่งอาจสรุปได้ว่าเมื่อมนุษย์ยุคใหม่ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่นี่และก็เกิดตายไปอันเนื่องมาจากเหตุใดๆก็ตาม อาจเป็นเพราะภัยธรรมชาติ โรคระบาด หรืออาจถูกฆ่าตายหมดด้วยมนุษย์นีแอนเดอร์ทัล

ย้อนกลับมาที่ทวีปแอฟริกาในบริเวณแถบตะวันออกของทวีป นักวิทยาศาสตร์ยังสามารถค้นพบหลักฐานการวิวัฒนาการของมนุษย์ยุคใหม่ มีการคิดค้นประดิษฐ์เครื่องมือเครื่องใช้จากหินและมีการสร้างที่ประณีตและซับซ้อนขึ้น มีการใช้เครื่องซัด เช่นหอก มีความสามารถในการหาอาหารจากทะเล มีการเลือกใช้สี มีความสามารถในการล่าเป็นกลุ่ม และนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามีการแลกเปลี่ยนสิ่งของกันเกิดขึ้นแล้ว ณ ช่วงเวลานั้น นักวิทยาศาสตร์ยังสามารถ Dating หาอายุของช่วงเวลานั้นได้คือ 75,000 – 55,000 ปี การวิวัฒนาการทั้งทางด้านเทคโนโลยี และอาหารส่งเสริมให้มนุษย์ยุคใหม่เรียนรู้ที่จะเดินทางและออกค้นหาไปยังส่วนต่างๆของโลก ทำไมมนุษย์ยุคใหม่ถึงเริ่มออกเดินทางค้นหา จากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ด้าน DNA พบว่าในช่วงก่อนที่จะเริ่มมีการอพยพเคลื่อนย้ายออกจากแอฟริกา บริเวณแหล่งที่อยู่ของเหล่ามนุษย์ยุคใหม่ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของเราทุกคนบนโลกนี้เกิดการแห้งแล้งขนาดใหญ่ซึ่งถึงขนาดส่งผลไปยัง DNA เลยทีเดียว มนุษย์ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้นได้พยายามแยกตัวกันอยู่เป็นกลุ่มเล็กๆเพื่อการเอาตัวรอด นักวิทยาศาสตร์ได้ประเมินว่าในช่วงนั้นมนุษย์เกือบจะสูญพันธุ์เลยทีเดียว และหลังจากสภาวะอากาศคืนกลับมาสู่ความปกติมนุษย์ยุคใหม่ที่เหลือรอดก็รวมตัวกันใหม่อีกครั้ง
เริ่มเดินทางสู่เอเชียเมื่อ 80,000 ปีที่แล้ว อินเดีย จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย
การเดินทางย้ายถิ่นของมนุษย์ยุคใหม่จริงๆเริ่มที่ไหนเมื่อไรนักวิทยาศาสตร์ก็ไม่ปักใจเชื่อนักว่าเมื่อไรที่ไหน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดมนุษย์ยุคใหม่ได้มีการเคลื่อนย้ายอพยพแน่นอน มีการสันนิษฐานเอาไว้ว่าเมื่อ 80, 000ปีมาแล้วหรืออาจนานกว่านั้น มนุษย์ยุคใหม่โดยมากเริ่มออกเดินทางจากคาบสมุทรไซไน (Sinai Peninsula) และบางส่วนข้ามช่องแคบทางปลายสุดของทะเลแดงที่ประเทศจีบูตี ซึ่งสันนิษฐานว่าในช่วงยุคน้ำแข็งเวลานั้นน้ำทะเลลดลงจนเกิดแผ่นดินโผล่ขึ้นมาเชื่อมต่อทวีปแอฟริกากับคาบสมุทรอาระเบีย นักวิทยาศาสตร์ยังเชื่ออีกว่าการเดินทางย้ายถิ่นของมนุษย์ยุคใหม่นี้จะไม่พยายามเปลี่ยนแปลงไปสู่สภาพภูมิประเทศที่ไม่คุ้นชิน สภาพภูมิอากาศที่แตกต่าง ดังนั้นมนุษย์ยุคใหม่กลุ่มนี้น่าจะเดินทางลัดเลาะริมขอบชายฝั่งทะเลลงไปทางใต้ไปตามมหาสมุทรอินเดียเพราะว่าภูมิประเทศและอากาศไม่เปลี่ยนแปลงจากถิ่นเดิมและยังคงหาอาหารได้ง่าย อย่าลืมว่ามนุษย์ยุคใหม่เหล่านี้มีความสามารถในการหาอาหารจากทะเลแล้ว
ที่เมือง Jwalapuram อำเภอ Kurnool รัฐอันธราประเทศ อินเดีย ริมฝั่งแม่น้ำ Jurreru นักวิทยาศาสตร์ได้คนพบหลักฐานการอยู่อาศัยของมนุษย์ยุคใหม่ซึ่งสามารถเทียบเคียงได้กับหลักฐานที่พบในทวีปแอฟริกา คือเครื่องมือ เครื่องใช้ของมนุษย์ยุคใหม่ถูกทับถมด้วยตะกอนของแม่น้ำหนาประมาณ 7.5 เมตร ถึงแม้ที่นี่จะไม่พบซากฟอสซิลของมนุษย์ยุคใหม่แต่นักวิทยาศาสตร์ก็เชื่อมั่นในหลักฐานที่ค้นพบว่าบรรพบุรุษของเราได้อพยพมาที่นี่จริง จากหลุมสำรวจพบว่ามีชั้นของเถ้าภูเขาไฟบางๆ จากการ Dating หาอายุพบว่ามีอายุราว 74,000 ปีซึ่งอยู่ในช่วงเวลาของภูเขาไฟ Toba ที่อินโดนีเซียระเบิดพอดี จากการลำดับชั้นดินที่อยู่ของหลักฐานทางโบราณคดีทำให้ทราบว่ามนุษย์ยุคใหม่มาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ทั้งก่อนและหลังภูเขาไฟระเบิด และเป็นที่แน่ชัดว่าไม่น้อยกว่า 74,000 ปีแน่นอนที่บรรพบุรุษของเราอพยพมาจากแอฟริกามายังเอเชีย หลังจากมาถึงยังเอเชียแล้วมนุษย์ยุคใหม่ยังคงวิวัฒนาการต่อเนื่องขยายอาณาเขตออกไปเรื่อยๆ จากหลักฐานทางโบราณคดีนักวิทยาศาสตร์พบว่าบรรพบุรุษของเราได้บุกเบิกเส้นทางสองเส้นคือทาง

กลุ่มแรกเดินทางไปทางด้านใต้ เลียบเลาะชายฝั่งลงไปทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังได้พบหลักฐานฟอสซิลที่ประเทศลาว เกาะชวา อินโดนีเซีย จากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ข้ามไปยังโอเชียเนีย ซึ่งนักวิทยาศาสตร์พบหลักฐานฟอสซิลของมนุษย์ยุคใหม่ทั้งในเกาะนิวกินี และประเทศออสเตรเลีย จากการ Dating พบว่ามนุษย์ยุคใหม่ได้มาถึงและตั้งหลักปักฐานที่ออสเตรเลียเมื่อก่อน 55,000 ปี ข้อมูลจากแหล่ง Malakunanja II ใน Northern Territory และที่ Lake Mungo รัฐ New South Wales ประเทศออสเตรเลีย นักวิทยาศาสตร์ยังเชื่อว่าในช่วงเวลาอยู่ในยุคน้ำแข็งเป็นไปได้ว่าน้ำทะเลจะลดลงจนทำให้ช่องว่างระหว่างแผ่นดินไม่ห่างกันมากนักอยู่ในวิสัยที่มนุษย์สมัยนั้นจะสามารถค้นหาวิธีได้สันนิษฐานว่าคงใช้วิธีต่อแพไม้ไผ่ข้ามไปเพราะว่าไม้ไผ่เป็นวัสดุที่หาได้ง่ายในพื้นถิ่นของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

กลุ่มหลังนี้มนุษย์ยุคใหม่ยังคงค้นหาขยายอาณาเขตการหากินออกไปทางเอเชียกลางและเอเชียตะวันออก ที่ถ้ำเทียนหยวน ใกล้ๆกับกรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ในปี 2003 ซากฟอสซิลของมนุษย์ยุคใหม่ได้ถูกค้นพบ และจากการ Dating หาอายุพบว่ามีอายุในช่วงระหว่าง 38,500 – 40,200 ปี

จากเอเชียสู่โลกใหม่ทวีปอเมริกาทางช่องแคบแบริ่ง กว่า 14,600 ปีมาแล้ว
การเดินทางค้นพบโลกใหม่ทวีปอเมริกาของมนุษย์ยุคใหม่นักวิทยาศาสตร์ยังคงเสนอแนวคิดหลากหลายทฤษฎี แต่ดูเหมือนว่าแนวคิด Bering Land Bridge จะได้รับความสนใจมากกว่า กล่าวคือจากเอเชียกลาง และเอเชียตะวันออกมนุษย์ยุคใหม่ได้ออกเดินทางไปทวีปอเมริกาโดยผ่านทางช่องแคบแบริ่ง นักวิทยาศาสตร์พยามหาหลักฐานหลายอย่างมาพิสูจน์ทฤษฎีนี้ บ้างว่ามนุษย์ยุคใหม่ได้มาหยุดรอและอาศัยที่ไซบีเรียประมาณถึง 10,000 ปีก่อนที่จะข้ามช่องแคบนี้ไปยัง อลาสกา ทวีปอเมริกาเหนือหลังจากสิ้นสุดยุคน้ำแข็ง อย่างไรก็ตามไม่ว่าบรรพบุรุษของเราจะข้ามไปอเมริกาทางไหนแต่ไปถึงแท้แน่นอน หลักฐานที่เป็นซากฟอสซิลของมนุษย์ยุคใหม่ที่ถูกค้นพบที่เก่าแก่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือนั้นถูกค้นพบที่ Arlington spring บนเกาะ Santa Rosa แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาโดย Phil C. Orr และฟอสซิลที่พบเป็นกระดูกของผู้หญิง จากการ dating หาอายุพบว่ามีอายุราวๆ 13,000 ปี การเดินทางของมนุษย์ยุคใหม่นี้ยังไมจบที่อเมริกาเหนือแค่นั้นยังมีหลักฐานการค้นพบซากฟอสซิลของมนุษย์ยุคใหม่ที่ประเทศชิลีอีก ในปี 1970 Tom Dillehay นักโบราณคดี มหาวิทยาลัย Vanderbilt ได้ทำการ Dating หาอายุพบว่ามีอายุอยู่ประมาณ 14,600 ปี แก่กว่าผู้หญิงที่ Arlington spring เสียอีก

เข้ายึดครองทวีปยุโรปผ่านทางเอเชียเมื่อ 50,000 ปีที่แล้ว
ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้นหลังจากมนุษย์ยุคใหม่เริ่มเคลื่อนย้ายออกจากแอฟริกาครั้งแรกเมื่อ 90,000 ถึง 100,000 ปีที่แล้ว และมาหยุดอยู่ที่อิสราเอลซึ่งไม่พบหลักฐานการวิวัฒนาการต่อเนื่องไป หลังจากนั้นอีกประมาณ 10,000 ปีมนุษย์ยุคใหม่จากแอฟริกาก็เริ่มอพยพเข้าสู่ทวีปเอเชียผ่านมาทางคาบสมุทรอาระเบียน แต่ในช่วงเวลานี้นักวิทยาศาสตร์ไม่พบหลักฐานว่ามีการเคลื่อนย้ายอพยพไปสู่ทวีปยุโรป นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่าสาเหตุที่มนุษย์ยุคใหม่รีรอที่จะเดินทางสำรวจขึ้นเหนือไปทางยุโรปอันเนื่องมาจากสภาวะแวดล้อมในขณะนั้นเป็นหลัก ในช่วง 65,000-55,000ปี โลกของเราตกอยู่ในยุคน้ำแข็ง ซึ่งทั่วทั้งยุโรปปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง ในช่วงเวลานั้นจึงไม่มีเหตุผลใดที่มนุษย์ยุคใหม่จะอพยพขึ้นทางเหนือไปทางทวีปยุโรปซึ่งมีสภาวะเป็นน้ำแข็งและก็ไม่มีอาหาร อีกทั้งยังเป็นถิ่นยึดครองของพวก Homo Neanderthalensis ซึ่งแข็งแรงทนทานกว่าแถมยังฉลาดพอๆกับมนุษย์ยุคใหม่ แต่หลังจากยุคน้ำแข็งสิ้นสุดลง นักวิทยาศาสตร์พบหลักฐานการปรากฏตัวครั้งแรกของมนุษย์ยุคใหม่เมื่อ 50,000 ปีที่แล้วที่บัลกาเรีย สันนิษฐานว่ามนุษย์ยุคใหม่ได้ออกเดินทางมาจากคาบสมุทรอารเบียขึ้นเหนือไปตามแถบแม่น้ำไทกรีส และยูเฟรตีส เข้าสู่ตุรกี ตามแม่น้ำดานูบสู่ฮังการี จากนั้นเดินทางต่อไปทางตะวันตกไปยังออสเตรีย จากออสเตรียมุ่งลงใต้เข้าสู่อิตาลีตอนเหนือ แล้วเลาะชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปสุดที่โปรตุเกสซึ่งเป็นชายฝั่งแอตแลนติกเมื่อ 38,000ปีทีแล้ว และในปี 1994 ได้มีการค้นพบภาพวาดศิลปะบนผนังถ้ำของมนุษย์ยุคใหม่ อายุราว 36,000 ปีที่ Chayvet Cave ทางตอนใต้ฝรั่งเศส ต่อมาประมาณเมื่อ 33,000 ปีที่ผ่านมา จากเอเชียมนุษย์ยุคใหม่เดินทางเข้าสู่ยุโรปตะวันออก และมีการตั้งรกรากกันอยู่ทางตอนเหนือของทะเลดำบริเวณประเทศยูเครน มนุษย์กลุ่มนี้ได้เดินทางสำรวจไปยังยุโรปตอนกลางและทางตอนเหนือ ต่อมาเมื่อ 18,000 ปีที่แล้วช่วงยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้าย (LGM : The Last Glacial Maximum) ซึ่งส่งผลให้เกิดน้ำแข็งปกคลุมไปทั่วทั้งยุโรปทั้งตอนเหนือเรื่อยลงมาจนถึงตอนกลางทำให้มนุษย์ยุคใหม่คงเหลือรวมตัวกันอยู่เฉพาะแถบตอนใต้ของยุโรป นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาพบว่ามีการรวมกลุ่มอยู่ 3 กลุ่มคือ กลุ่มที่อยู่ในฝรั่งเศสและสเปน กลุ่มที่คาบสมุทรบอลข่าน และกลุ่มที่อยู่ในประเทศยูเครน หลังจากสิ้นยุคน้ำแข็งมนุษย์ยุคใหม่ก็ยังคงปกหลักและวิวัฒนาการต่อไปในยุโรป และมนุษย์ 3 กลุ่มนี้เองเป็นบรรพบุรุษของชาวยุโรปในปัจจุบัน ต่อมาเมื่อ 8,200 ปีมนุษย์ยุคใหม่ที่อยู่แถบทางตะวันออกกลางได้วิวัฒนาการจนมีความสามารถในทางเกษตรกรรม และได้นำเอาเทคโนโลยีนี้เข้าไปสู่ยุโรปในเวลาต่อมา

จากจุดกำเนิดที่แอฟริกาเมื่อกว่าแสนปีที่แล้ว ที่มนุษย์ยุคใหม่ได้เริ่มออกเดินทาง ค้นหา ครอบครอง วิวัฒนาการ จนมีพัฒนาการด้านเทคโนโลยี การใช้เครื่องมือ การหาอาหาร การป้องกันตัว การปรับตัว การอยู่เป็นกลุ่ม ซึ่งไม่มีสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ไหนสู้ได้ จนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถครอบครองโลกใบนี้ และอ้างสิทธิ์ในการเป็นสายพันธุ์มนุษย์ยุคใหม่เพื่อเอาเปรียบสัตว์ในสายพันธ์ุอื่นทุกเรื่องราว การวิวัฒนาการและการอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์สายพันธุ์นี้ยังคงไม่สิ้นสุดง่ายๆ ยังคงออกเดินทางหาสิ่งใหม่ๆต่อไปซึ่งไม่เคยเพียงพอ ไม่เคยหยุดนิ่ง และสุดท้ายพวกมนุษย์สายพันธุ์อาจทำลายล้างกันเองเพื่อเอาตัวรอดจากการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติอย่างรุนแรงและสูญพันธุ์ในที่สุด เมื่อนั้นจะมีสัตว์ในสายพันธุ์อื่นที่ปรับตัวได้ดีกว่าครอบครองโลกไว้แทนที่
[google_map_easy id=”6″]
เขียนเรื่องราวน่าติดตามมากเลยค่ะ คำบรรยายเข้าใจง่าย ชอบตรงมีแผนที่ให้ดู ทำให้เข้าใจเรื่องราวการอพยพได้ดีขึ้น